เทรนด์ตลาด

กุมภาพันธ์ 5, 2023
คิดต่างความสำเร็จ ก็แตกต่าง
คิดต่างความสำเร็จ ก็แตกต่าง ภญ.กัญรดา ปัญญาธนพร
กรรมการบริหารส่วนงานการตลาดและขาย
บ.เคนยากุ (ประเทศไทย) จำกัด
อ่านเพิ่มเติม
กุมภาพันธ์ 1, 2023
สร้างแบรนด์ หรือ รับสินค้า มาขายแบบไหนจะดีกว่ากัน
>>สร้างแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ของตัวเอง หรือ รับสินค้าที่มีอยู่แล้วมาขาย แบบไหนจะดีกว่ากัน ? แน่นอนว่าการเริ่มต้นธุรกิจไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ โดยเฉพาะกับมือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์การทำธุรกิจของตัวเองมา ซึ่งคำถามที่มักเจอบ่อยๆจะลงทุนสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง หรือจะขายสินค้าแบบซื้อมาขายไป แบบไหนดีกว่า และคุ้มค่ามีกำไรมากกว่ากัน สำหรับผู้ที่มีความสนใจเริ่มต้นธุรกิจ แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ วันนี้เคนยากุจะเปรียบเทียบให้เห็นได้ชัดๆ ถึง ข้อดี ข้อเสียของทั้งสองแบบ แล้วค่อยตัดสินใจว่าแบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจและตัวคุณมากที่สุด *ข้อดีของการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง มี 5 ข้อ น่าคิด การสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง เปรียบเสมือนการวางแผนระยะยาว เพื่อความมั่นคงของอาชีพ รายได้ และชีวิตในอนาคต ยิ่งถ้าแบรนด์ที่สร้างประสบความสำเร็จติดตลาด ก็สามารถนำแบรนด์ไปต่อยอดได้ง่ายทั้งขยายตลาดหรือผลิตสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์เดิม สินค้ามีความน่าเชื่อถือ เพราะลูกค้าจะรู้สึกว่าการได้ซื้อของโดยตรงจากเจ้าของแบรนด์ ช่วยลดความเสี่ยงจากการลองผิดลองถูก สามารถสอบถามรายละเอียดและข้อสงสัยที่มีกับสินค้าได้โดยตรงจากเจ้าของ ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค รู้จักและเข้าใจสินค้าเป็นอย่างดี เนื่องจากการทำแบรนด์เอง จะสามารถกำหนดรูปแบบ คุณภาพสินค้า ต้นทุน รวมถึงกระบวนการผลิตที่ตัวเองต้องการได้ มีอิสระในการบริหาร จัดการ รวมถึงการตัดสินใจและกำหนดทิศทางของธุรกิจตัวเองได้อย่างเต็มที่ ในการปรับเปลี่ยนพัฒนาสินค้าหรือธุรกิจ เช่น หากสังเกตเห็นว่ารุ่นไหนเป็นที่นิยม ขายดี ก็สามารถสั่งผลิตได้เรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะหมดสต็อก หรือขาดตลาด ความสำเร็จของแบรนด์ ข้อดีอีกหนึ่งข้อ คือ ความภาคภูมิใจ และความสุขจากการที่คุณทำสิ่งที่ตั้งใจได้สำเร็จ *ข้อเสียของการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง มี 3 ข้อ น่าคิด ต้นทุนในการผลิตค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องลงทุนตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต การโปรโมท ไปจนถึงการขาย ยิ่งใครที่มีหน้าร้าน ก็จะมีต้นทุนค่าสถานที่ด้วย 2.มีโอกาสขาดทุนสูง เป็นผลมาจากการมีต้นทุนสูงแล้วกำไรที่ได้ ไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ รวมถึงการมีฐานลูกค้าไม่มากพอก็อาจส่งผลให้สินค้าที่ผลิตค้างสต็อก ขายไม่ได้ และขาดทุนในที่สุด การสร้างแบรนด์เอง เป็นการเริ่มต้นจากศูนย์ ต้องใช้เวลา เพราะต้องผ่านหลายกระบวนการกว่าที่แบรนด์จะสำเร็จ ตั้งแต่การคิดสินค้าที่จะขาย คิดชื่อแบรนด์ เลือกรูปแบบสินค้า วัสดุอุปกรณ์ ขั้นตอนการผลิต ประเมินคุณภาพ ไปจนถึงการขาย และการโปรโมทแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก . **ข้อดีของการซื้อสินค้ามาขายไป มี 4 ข้อ สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ง่าย และรวดเร็ว หากรู้จักแหล่งผลิตหรือแหล่งขายสินค้า เพื่อรับมาขายต่อให้กับลูกค้า เปรียบเสมือนเป็นคนกลางระหว่างผู้ผลิตและลูกค้า โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก หรือเสียเวลาเพื่อสร้างแบรนด์ เพราะสินค้าส่วนใหญ่คือสินค้าที่กำลังเป็นที่นิยมของผู้บริโภค มีแหล่งไปรับซื้อสินค้ามากมาย รวมถึงมีสินค้าให้เลือกรับซื้อมาขายหลากหลายประเภท ตามเทรนด์หรือความต้องการของผู้บริโภคในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งผู้ขายสามารถเลือกได้ว่าจะนำของแบรนด์อะไรมาขายบ้าง ยิ่งเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพ ลูกค้านิยม มีการรีวิวจากลูกค้าผู้ใช้จริง ก็จะยิ่งช่วยให้ร้านมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น สามารถเปิดร้านหรือลงทุนได้ในงบประมาณที่มี ไม่จำเป็นต้องหาทุนเพิ่ม เพราะการซื้อมาขายไป สามารถสั่งออเดอร์ได้ตามที่ต้องการ ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน ก็สามารถขายผ่านช่องทางออนไลน์ได้ รวมถึงสามารถทำเป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพหลักก็ได้ เนื่องจากการซื้อมาขายไป ไม่จำเป็นต้องสต็อกของในปริมาณที่มาก และสามารถขายได้ทุกเวลา ทุกที่ ตามที่ต้องการ **ข้อเสียของการซื้อมาขายไป 4 ข้อ เป็นธุรกิจที่สามารถเริ่มได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ ทำให้มีผู้ที่สนใจทำธุรกิจเดียวกันจำนวนมาก ซึ่งเมื่อมีคู่แข่งเยอะก็ยิ่งลดโอกาสในการขายของ ทำให้ขายของได้ยากขึ้น บางสินค้าเป็นสินค้าประเภทตามกระแสนิยม หากเราบริหารจัดการสต็อกไม่ดี สั่งซื้อทีละมากๆ เพื่อหวังกำไร เมื่อไหร่ที่กระแสลดลง ก็จะส่งผลให้ขายสินค้าไม่ได้ ค้างสต็อก นำไปสู่การขาดทุน การทำธุรกิจแบบนี้จึงต้องอาศัยหมั่นศึกษา ตามเทรนด์กระแสนิยมอยู่ตลอดเวลา การซื้อมาขายไป เปรียบเสมือนแผนระยะสั้น ของการทำธุรกิจเพื่อดำรงชีพมากกว่าเพื่อความมั่นคง เพราะเมื่อไหร่ที่สินค้ายังขายได้ ยังเป็นที่นิยม ผู้ขายก็จะยังมีรายได้อยู่ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ขายไม่ได้แล้ว ตกเทรนด์ หรือแม้แต่สินค้าขาดตลาด รวมถึงเจ้าของเลิกผลิตไปแล้ว ก็จะส่งผลให้ผู้ขายไม่สามารถนำสินค้ามาขายต่อได้ ซึ่งทำให้รายได้ที่ควรจะได้นั้นลดลง ได้กำไรต่อชิ้นน้อย เพราะธุรกิจซื้อมาขายไป ต่อให้รับสินค้ามาขายในราคาส่ง แต่ราคานั้นนอกจากต้นทุนการผลิตแล้ว ผู้ผลิตก็ได้บวกกำไรมาด้วย ทำให้ผู้ที่จะรับมาขายนั้น ไม่สามารถบวกกำไรเพิ่มได้มาก ซึ่งหากต้องการกำไรที่มาก ต้องขายสินค้าให้ได้จำนวนมากๆ หลายๆ ชิ้น อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดคือ ข้อดี-ข้อเสีย ของทั้งการสร้างแบรนด์เองและการซื้อมาขายไป ล้วนแล้วแต่มีความแตกต่างกัน อยู่ที่ว่าเป้าหมายของเรานั้นคืออะไร ต้องการมีอาชีพ มีรายได้ หรือมีความมั่นคง ซึ่งเมื่อรู้ข้อดี ข้อเสียของทั้งสองรูปแบบแล้ว ก็น่าจะเป็นตัวช่วยให้หลายคนตัดสินใจได้ว่าแบบไหนที่เหมาะกับตนเอง ***ผู้ประกอบการ กำลังมองหาโรงงานรับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เคนยากุมีทีมเภสัชกร ค่อยให้คำแนะนำ พร้อมทีมการตลาดแนะนำการสร้างแบรนด์ อย่างครบวงจร
อ่านเพิ่มเติม
มกราคม 29, 2023
กว่าจะได้สูตรตำรับ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ
*การที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตและอยู่รอดได้นั้น ต้องเข้าใจสินค้า เข้าใจผู้บริโภค รักษามาตรฐานของสินค้าให้ดี สำหรับธุรกิจอาหารเสริม ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค เหนือสิ่งอื่นใด ความรับผิดชอบต่อชีวิตของผู้บริโภคมีความสำคัญที่สุด . *ผู้ประกอบการ หรือผู้ต้องการผลิตสินค้า ควรมีความเข้าใจ ถึงคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ตามความต้องการ ว่าเป็นรูปแบบใด เช่น รูปแบบเม็ด แคปซูล ผงชงดื่ม เม็ดเคี้ยว เป็นต้น เพื่อจะได้เลือก สารสำคัญ (Active Ingredient) ให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ซึ่งหัวใจของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ คือการคัดเลือก สารสำคัญ (Active Ingredient) ที่แตกต่าง โดดเด่น และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า Kenyaku เรามีทีมเภสัชกร และผู้เชี่ยวชาญในการค้นคว้า วิจัย พัฒนา และสรรหา สารสำคัญที่มีนวัตกรรม มีงานวิจัยรับรองจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อสร้างความมั่นใจ และการันตีถึงผลลัพธ์ในผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังพิจารณาถึงสาระสำคัญกลุ่มอื่นๆ ที่จะช่วยเสริมและสร้างให้ผลิตภัณฑ์หรือสินค้า มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ก่อนจะส่งมอบถึงมือลูกค้า  
อ่านเพิ่มเติม
มกราคม 25, 2023
วิธีรับประทานอาหารเสริมที่ได้ผล
อาหารเสริม เป็นอาหารที่ทานเพิ่มเติม หรือเสริมจากอาหารหลักที่เราทานกันอยู่ในแต่ละมื้อ ในปัจจุบันนิยมทานอาหารเสริมกันเนื่องจากความสะดวกและหาซื้อได้ง่าย วิธีการรับประทานก็ไม่ได้ยุ่งยาก ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะมาในรูปแบบแคปซูล เม็ด ผงชงดื่ม เป็นต้น การทานอาหารเสริมเวลาไหนดี >>ก่อนอาหาร >>หลังอาหาร>>ก่อนนอน อาหารเสริมบางประเภท อาจรับประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ แล้วแต่สะดวก เนื่องจากอาจมีการออกฤทธิ์ที่พิเศษหรือมีผลข้างเคียงอื่นๆ ซึ่งผู้ผลิตอาหารเสริมจะอธิบายวิธีการรับประทานเป็นกรณีๆ ไป » อาหารเสริมก่อนอาหาร ควรรับประทานก่อนอาหาร อย่างน้อย 30 นาที » อาหารเสริมหลังอาหาร ควรรับประทานหลังอาหารทันทีและไม่ควรนานเกิน 15 นาทีหลังอาหาร หรือ อาจทานพร้อมอาหาร » อาหารเสริมก่อนนอน ควรรับประทานก่อนเข้านอน 15 – 30 นาที ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไม่ใช่ยา เพียงแต่เข้าไปช่วยเสริมให้การทำงานของร่างกายได้ดีขึ้น ดังนั้นการเห็นผล หรือการเปลี่ยนแปลง ต้องใช้เวลา ซึ่งการทานอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอจะทำให้เห็นผลที่ชัดเจนกว่า *ผู้ประกอบการ กำลังมองหาโรงงานรับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เคนยากุมีทีมเภสัชกร ค่อยให้คำแนะนำ พร้อมทีมการตลาดแนะนำการสร้างแบรนด์ อย่างครบวงจร
อ่านเพิ่มเติม
มกราคม 20, 2023
โรงงานไหน ไม่โกง ไม่หาย
จะรู้ ? ได้ยังไร…
โรงงานไหน ไม่โกง ไม่หาย เคนยากุมี 5 ข้อสังเกต แนะนำเคล็ดลับการเลือกโรงงานที่ดี มีคุณภาพ 1. โรงงานผลิตต้องผ่านการจดทะเบียนบริษัท และผ่านการรับรองมาตรฐานโรงงานผลิตอย่างถูกต้อง จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. รวมทั้งมาตรฐานการผลิตอื่นๆ ที่รับรองคุณภาพของโรงงาน และผลิตภัณฑ์ จะมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย 2. ระบุที่ตั้งโรงงานและสำนักงานไว้อย่างชัดเจน การระบุที่ตั้งของโรงงาน และในส่วนของสำนักงานที่ใช้ติดต่ออย่างละเอียดชัดเจน จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ผู้บริโภคและการระบุที่ตั้งชัดเจน จะทำให้ผู้ที่มีความสนใจผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์ ได้เข้ามาปรึกษาได้สะดวกมากขึ้น 3. ช่องทางการให้บริการและให้คำปรึกษาที่หลากหลาย โรงงานผลิตที่มีช่องทางติดต่อสื่อสารทั้งออนไลน์และออฟไลน์ มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ อีเมล เว็ปไซต์ หรือสื่อออนไลน์ต่างๆ พร้อมมีผู้ที่สามารถให้คำแนะนำได้ เพื่อให้ลูกค้า หรือผู้ที่สนใจ หากมีข้อสงสัย หรือไม่เข้าใจเรื่องต่างๆ สามารถสอบถาม ติดตามข่าวสาร จากช่องทางต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว 4. การให้บริการแบบครบวงจร ก่อน /ระหว่าง /หลัง การผลิต โรงงานที่ผลิตสินค้า ควรมีการให้บริการด้านการผลิตอย่างครบวงจร เริ่มต้องแต่ก่อนการผลิต ให้ความช่วยเหลือ คำแนะนำเกี่ยวกับการผลิตสินค้า และในระหว่างการผลิต ก็คอยรายงานความคืบหน้า และติดตามผล ความพึงพอใจของลูกค้า 5. ราคาสมเหตุสมผล ไม่ต่ำจนเกินไป สิ่งที่นักลงทุน หรือผู้ประกอบการ ส่วนมากมักพิจารณาเป็นอันดับแรกคือราคาในการผลิต แต่ต้องสังเกตดีๆ หากโรงงานผลิตนั้นมีราคาการผลิตที่ต่ำมากเกินไป ควรตรวจสอบให้ดีก่อน เช่น การรับรองมาตรฐานโรงงาน การบริการของโรงงานผลิต ว่าสามารถทำได้อย่างครบคลุมและมีประสิทธิภาพหรือไม่ เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น และลดความเสี่ยงการเกิดอันตรายต่อผู้บริโภค * รู้วิธีเลือกโรงงานแล้ว ควรมองหาโรงงานผลิตอาหารเสริมที่ดี และมีคุณภาพมากที่สุด เพื่อสินค้าที่ยั่งยืน ตอบโจทย์ และปลอดภัย  
อ่านเพิ่มเติม
มกราคม 18, 2023
สมุนไพร กับ อาหารเสริม ที่ขึ้นทะเบียนแตกต่างกันอย่างไร
COVID-19 ทำให้ตลาดยาและผลิตภัณฑ์ดูแลสุภาพ คึกคักและโตเร็วมาก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสมุนไพรหรือยาแผนโบราณ กระแสความต้องการมากขึ้น ผู้ประกอบการมีคำถามเข้ามามากเช่นกันว่า สมุนไพรที่ขึ้นทะเบียนอาหารเสริม กับสมุนไพรที่ขึ้นทะเบียนยา แตกต่างกันอย่างไร สมุนไพรที่ขึ้นทะเบียนอาหารเสริมได้นั้นจะมีรายชื่อตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งสมุนไพรตามประกาศนั้น มักเป็นสมุนไพรที่มีประวัติการใช้งานโดยบุคคลทั่วไปมาอย่างยาวนานแล้ว หรือมีการวิจัยทดลองในหลายระดับของงานวิจัยแล้ว มีการศึกษาทางเภสัชวิทยา เช่น สารสำคัญ Dose และฤทธิ์ทางชีวภาพชัดเจน ซึ่งมักเป็นการคิดตามหลักการเภสัชวิทยาสมัยใหม่และแพทย์แผนปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายแล้ว การขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้น จะมีข้อกำหนดเรื่อง ปริมาณสารสำคัญที่ใส่ได้ ดังนั้นจึงไม่สามารถหวังผลในการรักษา หรือป้องกันโรคได้ แต่จะหวังผลในด้านการส่งเสริมสุขภาพมากกว่าค่ะ ในขณะที่ยาสมุนไพร จะเป็นการใช้สมุนไพรที่หลากหลายมาตั้งเป็นตำรับ โดยอ้างอิงจากคัมภีร์แพทย์แผนไทย หรือการตั้งตำรับยาเองโดยแพทย์แผนไทยก็ได้ โดยหลักการที่ใช้จะเป็นการปรับสมดุลธาตุ และรสยาของสมุนไพรนั้นๆ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยาสมุนไพรได้มีการพัฒนาไปมาก มีการประยุกต์ความรู้ทางเภสัชวิทยาและแพทย์แผนปัจจุบันเข้ามามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำวิจัยในหลายระดับ ไม่ต่างกับอาหารเสริมและยาแผนปัจจุบัน เพื่อเป้าหมายในการพัฒนาด้านประสิทธิภาพ และปลอดภัยแก่ผู้บริโภค โดยสรุป สมุนไพรที่ขึ้นทะเบียนเป็นอาหารเสริมได้นั้นมีจำนวนจำกัดกว่ายาสมุนไพร อีกทั้งผลต่อร่างกายก็ต่างกัน ถ้าหวังผลในการรักษาป้องกันโรค หรือการส่งผลต่อการทำงานและโครงสร้างของร่างกาย จะแนะนำเป็นยาสมุนไพร ในขณะที่ถ้าเป็นอาหารเสริมก็อาจจะหวังผลเพียงการส่งเสริมสุขภาพค่ะ ผู้ประกอบการท่านใด มีข้อสงสัยและคำถามเพิ่มเติม เคนยากุ มีทีมงานเภสัชกร และผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ
อ่านเพิ่มเติม
มกราคม 10, 2023
ตัวช่วยบำรุงเฉพาะสมองและสายตา
สังคมในยุคดิจิทัล ปฏิเสธไม่ได้ที่ต้องมีตัวช่วยบำรุง โดยเฉพาะสมองและสายตา >>>ปฏิเสธไม่ได้เลย กับสังคมในยุคดิจิทัลที่แต่ละวัน กลุ่มเด็ก กลุ่มวัยทำงาน หรือแม้แต่กลุ่มผู้สูงอายุ ต้องอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต อาจนานถึงวันละ 10 ชั่วโมง/วัน ทำให้ได้รับผลกระทบ เช่น ภาวะตาล้า ตาแห้ง ตาพร่า รวมถึงสมองล้า
.
>>>และปฏิเสธไม่ได้อีก ที่ควรมีตัวช่วยบำรุงสมองและสายตา อย่าปล่อยให้เสื่อมก่อนแก้ ปรับเปลี่ยนกันตั้งแต่วันนี้มั้ยคะ ด้วยตัวบำรุงที่ดี เช่น 1.โกจิ เบอร์รี่ มีวิตามินซีสูง ช่วยป้องกันการเสื่อมของสารตา พร้อมภูมิคุ้มกัน
2.แป๊ะก๋วย ช่วยปกป้องการเสื่อมของสมองได้
3.สารสกัดจากดาวเรือง สารสีเหลืองที่ช่วยกรองแสงสีฟ้าพลังงานสูงได้ถึง 40% ก่อนที่จะเข้าไปสู่จอประสาทตา
4.Bilberry ช่วยป้องกันการเสื่อมของดวงตา แถมยังช่วยลดระดับความรุนแรงของคนที่สายตาสั้นได้ด้วย
5.วิตามินบีรวม B1 B2 B3 B6 และอื่นๆ ควรกินเป็นบีรวมเพื่อเสริมประสิทธิภาพ โดยรวมแล้ววิตามินบีจำเป็นต่อระบบของประสาท ให้สมองทำงานได้ลื่นไหลเต็มที่ ปลอดโปร่ง
6.L-ornithine ช่วยความจำ สมาธิ การตื่นตัว ความอ่อนเยาวน์ การนอนหลับ การฟื้นฟูร่างกาย การออกกำลังกาย และการสร้างกล้ามเนื้อ
7.L-arginine ทำงานในวงจรควบคู่กับ L-ornithine ในการกำจัดของเสียในร่างกาย
8.L-lysine ช่วย สมาธิ ควบคุมอารมณ์ ผ่อนคลายความเครียด ลดหรือบรรเทาความซึมเศร้าลง และช่วยทำให้หลับได้ดีขึ้น
9.สารสกัดจากขมิ้นชัน เป็นสมุนไพรที่ช่วยได้ครอบจักวาล ช่วยในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบ ป้องกันเซลล์เสื่อมก่อนวัย และลดอนุมูอิสระที่เกิดในสมองและดวงตาได้เช่นกัน
. ผู้ประกอบการ กำลังมองหาโรงงานรับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงสายตาและสมอง เคนยากุมีทีมเภสัชกร ค่อยให้คำแนะนำ พร้อมทีมการตลาดแนะนำการสร้างแบรนด์ อย่างครบวงจร
อ่านเพิ่มเติม